[348] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอัน ประกอบ
ด้วยองค์ 8 เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อกำหนดรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละอุปาทานขันธ์
5 อย่างนี้แล ฯลฯ ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ 8 นี้ ฯลฯ
จบอุปาทานขันธสูตรที่ 8

9. โอรัมภาคิยสูตร

โอรัมภาคิยสังโยชน์ 5

[349] สาวัตถีนิทาน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สังโยชน์อันเป็นส่วน
เบื้องต่ำ 5 อย่างนี้ 5 อย่างเป็นไฉน คือ สักกายทิฏฐิ 1 วิจิกิจฉา 1
สีลัพพตปรามาส 1 กามฉันทะ 1 พยาบาท 1 ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สังโยชน์
อันเป็นล้วนเบื้องต่ำ 5 อย่างนี้แล.
[350] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบ
ด้วยองค์ 8 เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อกําหนดรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละสังโยชน์อัน
เป็นส่วนเบื้องต่ำ 5 อย่างนี้แล ฯลฯ ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบ
ด้วยองค์ 8 นี้ ฯลฯ
จบโอรัมภาคิยสูตรที่ 9

10. ปฐมอุทธัมภาคิยสูตร

อุทธัมภาคิยสังโยชน์ 5

[351] สาวัตถีนิทาน. ดูก่อนภิกษุทั้งกาย สังโยชน์อันเป็นส่วน
เบื้องสูง 5 อย่างนี้ 5 อย่างเป็นไฉน คือ รูปราคะ 1 อรูปราคะ 1 มานะ 1
อุจทธัจจะ 1 อวิชชา 1 ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สังโยชน์อันเป็นส่วนเบื้องสูง
5 อย่างนี้แล.
[352] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบ
ด้วยองค์ 5 เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อกําหนดรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละสังโยชน์อัน
เป็นส่วนเบื้องสูง 5 อย่างนี้แล อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ 8 เป็นไฉน
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ อันอาศัยวิเวก
อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ฯลฯ ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ
อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อภัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ 8 นี้ เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อ
กําหนดรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละสังโยชน์อันเป็นล้วนเบื้องสูง 5 อย่างนี้แล.
จบปฐมอุทธัมภาคิยสูตรที่ 10